วันเสาร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2554

 

HubsPoint.com The Best Technology Blog



Today I am going to share about a technology blog, its world's famous blog Hubspoint.com blogger who owns this blog is really post good and informative content for his readers, Also I have experience about his web designing services,

Even he don't have any services page, if you want to have a blog, website, forum, SEO services, imacros and automation script, video for marketing, social media marketing, facebook page, business promotion tips for just $100 you can contact at http://hubspoint.com/contact/ a blogger who can develop websites SEO friendly and his rate are very cheap. Have a look at his website video.


I saw on hubspoint.com homepage. he also provide service to make this kind of videos for blog and website promotion . I am a big fan of this guy. recently he worked for my projects and I am very happy as rewards I am posting this post on different blogs for him. Contact Hubspoint


Also you can watch live sports like soccer, cricket tennis on hubspoint sports page.

Like: Hubspoint on Facebook
Follow:   Hubspoint on Twitter

HubsPoint Owner Name: Zeeshan Khan

ป้ายกำกับ:


วันพุธที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2553

 

มูลนิธิหอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ Buddhadasa Indapanno Archives Foundation

มูลนิธิหอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ Buddhadasa Indapanno Archives Foundation

ตลอดช่วงชีวิต ๘๗ ปี ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๔๙-๒๕๓๖ ของท่านพุทธทาสภิกขุ ท่านได้ศึกษาปฏิบัติ และเผยแผ่ธรรม อย่าง สม่ำเสมอและแพร่หลาย มีผลงานการเผยแผ่รูปธรรมและประจักษ์พยานอย่างมาก ไม่เฉพาะเพียงที่สวนโมกขพลาราม และ คณะธรรม ทานเท่านั้น เกิดการเคลื่อนไหวใหม่ในสังคม และแวดวงศาสนา อย่างต่อเนื่องกว้างขวางมากมาย สืบเนื่องมาจนกระทั่งปัจจุบัน ได้รับการยอมรับนับถือทั่วไปทั้งในระดับ ท้องถิ่น ประเทศ และสากล

ไม่จำเพาะเฉพาะพุทธศาสนาเท่านั้นหลังมรณกรรมของท่านแล้ว สวนโมกขพลารามคณะธรรมทานและ คณะศิษยานุศิษย์ ตลอด จนกลุ่มผู้สนใจใฝ่ศึกษาปฏิบัติ ได้ประมวลรวบรวมสิ่งศึกษาเรียนรู้ ตลอดจนเครื่องมือเครื่องใช้ทั้งหลายของท่านไว้ สิ่งศึกษาเรียนรู้ ทั้งหมดนี เป็นมรดกทางปัญญาอันยิ่งใหญ่ สมควรจัดเก็บอนุรักษ์ไว้ให้เป็นระบบเพื่อความสะดวก ในการสืบค้นเพื่อเผยแผ่ และเป็น ประโยชน์เกิดสันติสุขแห่งมวลมนุษยชาติ ในเบื้องต้นจากการสำรวจเอกสาร สิ่งพิมพ์ ภาพ แถบเสียงโสตทัศน์ และวัตถุสิ่งของต่างๆ ของท่านพุทธทาส มีปริมาณเบื้องต้นมากกว่า ๒๗,๓๔๗ รายการ ซึ่งในปัจจุบันทุกอย่างอยู่ในสถานภาพที่เสี่ยงต่อการชำรุดเสียหาย เสื่อมสภาพ ควรได้รับการอนุรักษ์ รักษาอย่างเร่งด่วน ถึงแม้ทางสวนโมกขพลาราม คณะธรรมทาน ตลอดจนคณะผู้ศึกษาและ ศรัทธาในท่านจะได้พยายามดำเนินการต่างๆ เพื่อจัดเก็บ รักษาและอนุรักษ์ แต่ก็พบว่ายังไม่สามารถดำเนินการให้ได้ดีและสมบูรณ์ สมกับคุณค่าของงานต่างๆ ที่มีอยู่ และพบว่าเกินกำลังและวิสัยของวัด มูลนิธิและอาสาสมัคร

ด้วยเหตุนี้คณะผู้ศรัทธาอันประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญงานจดหมายเหตุ ผู้เชี่ยวชาญงานระบบ ฐานข้อมูล ผู้เชี่ยวชาญงานสถาปัตยกรรม อาสาสมัคร และผู้แทนฝ่ายต่างๆ โดยความเห็นชอบของ สวนโมกขพลาราม และคณะธรรมทาน ได้ร่วมกันวางแนวทางในการจัดตั้งหอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ ซึ่งเป็นหอจดหมายเหตุศาสนธรรม (Religious Archives) เพื่อทำการเก็บรักษา อนุรักษ์ ศึกษาค้นคว้าและเผยแผ่ผลงานของท่านพุทธทาสฯ ให้แพร่หลาย ซึ่งจะช่วยส่งเสริม ให้ประชาชนทั่วไป สามารถเข้าถึงหัวใจของศาสนา ตามปณิธาน ๓ ประการของท่านพุทธทาส โดยมีกำหนดให้สามารถ เปิดดำเนินการได้โดยเร็วประมาณปี ๒๕๕๒

http://www.bia.or.th/


วันจันทร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2553

 

"ศิลปะแห่งชา" ละเมียดกับรสชาสัมผัสความรุ่มรวยทางวัฒนธรรม

"ศิลปะแห่งชา" ละเมียดกับรสชาสัมผัสความรุ่มรวยทางวัฒนธรรม

"ศิลปะแห่งชา" ละเมียดกับรสชาสัมผัสความรุ่มรวยทางวัฒนธรรม


ศิลปะแห่งชา




โลกใบนี้เต็มไปด้วยวัฒนธรรมอันรุ่มรวย การดื่มชาและการ ชงชาก็เป็นหนึ่งความรุ่มรวยในชีวิตนี้เช่นกัน แต่ละเชื้อชาติที่มีการผลิตชาก็จะมีวิธีการชงชาที่แตกต่างกันไป การชงชาจึงเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ แม้แต่ชาจีนที่เรามักว่าเป็นเรื่องพื้นๆ ที่ดูง่ายๆ กินดื่มกันทั่วๆ ไปนั้น หากมองเข้าไปให้ลึกซึ้ง เราจะพบว่า การชงชามีแง่มุมที่ละเอียดอ่อน ปราณีต เนิบช้าแต่ก็ฉับไว แฝงอยู่ในความง่ายๆ นั้น


ภาชนะในการชงและดื่ม ใบชา น้ำ อุณหภูมิของน้ำ วิธีการชง วิธีการดื่ม กลิ่น สี รสชาติ บรรยากาศ เผ่าเพื่อน สิ่งเหล่านี้ล้วนประกอบกันขึ้นทำให้การชงชาไม่เป็นเพียงเรื่องพื้นๆ แต่เป็นเรื่องของศิลปะ หากเราใส่ใจกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น เนิบช้ากับทุกการกระทำ เชื่อมโยงระหว่างตัวเรากับภายนอก ศิลปะแห่งชาอาจเป็นหนึ่งเดียวกับศิลปะการใช้ชีวิตของเราก็เป็นได้


ขอเชิญมาร่วมเรียนรู้วิธีการชงชา ความแตกต่างของชาแต่ละชนิด การเลือกใช้ภาชนะที่ใช้ชงและดื่มชา และร่วมดื่มชาในบรรยากาศที่เป็นกันเอง กลับมาสัมผัสความรุ่มรวยทางวัฒนธรรม อ่อนโยนกับทุกการกระทำด้วยวิถีแห่งชา ละเมียดกับรสชา ที่รังสรรค์มาในแต่ละประเภท



ช่วงเวลาที่จัด

วันที่ 31 มกราคม 2553 เวลา 9.00 – 16.00 น.


บริจาคร่วมกิจกรรม

ท่านละ 1,000 บาท


จำนวนรับสมัคร

8 ท่าน


สถานที่จัด

พิพิธภัณฑ์บางกอก สี่พระยา กรุงเทพฯ

ที่ตั้ง ซอยเจริญกรุง 43 เดินเข้าไปประมาณ 300 เมตร จะเห็นพิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ทางขวามือ โทร. 0-2234-6741

การเดินทาง - รถประจำทางสาย 1, 35, 36, 75 และ 93


สอบถามเพิ่มเติมได้ที่

เสมสิกขาลัย สำนักงานรามคำแหง

จงรักษ์ แซ่ตั้ง หรือ เจนจิรา โลชา

โทรศัพท์ 02-314 7385 ถึง 6 e-mail: semsikkha_ram@yahoo.com


วิทยากร


จงรักษ์ กิตติวรการ
เดิมเป็นอาจารย์สอนที่มหาวิทยาลัยมหิดล ปัจจุบันลาออกและทำงานเป็นนักวิจัยอิสระ มีชาเข้ามาอยู่ในวิถีชีวิตตั้งแต่เด็ก เนื่องจากเกิดและโตในครอบครัวที่เป็นจีน จึงเริ่มรู้จักชาในฐานะเครื่องดื่มประจำบ้าน และเริ่มหัดชงชาจากคุณพ่อ เมื่อได้ไปศึกษาอยู่ที่ญี่ปุ่น ใช้ชีวิตใกล้แหล่งผลิตชาขึ้นชื่อจึงได้เพิ่มโอกาสชิมชาญี่ปุ่นที่กว้างขึ้น จนได้มีโอกาสรู้จักอาจารย์สุลักษณ์ ศิวรักษ์ ซึ่งเป็นนักดื่มประเภทรู้แยกแยะชาดีเลว และมีลิ้นที่ไวต่อการเปลี่ยนแปลงผิดเพี้ยนของน้ำชาจากการชงเป็นอย่างมาก จึงได้ฝึกปรือภายใต้คำวิจารณ์จากนักวิจารณ์สังคมท่าน นี้ และกำลังใจจากมิตรสหายผู้นิยมชาทำให้ต้องเอาใจใส่ในการชงชายิ่ง จึงค่อยเก็บเล็กเก็บน้อย เรียนรู้สั่งสมประสบการณ์จากเหล่าสหายผู้นิยมชาต่อไปและยินดีที่จะร่วมแบ่ง ปันประสบการณ์การชาและดื่มชาให้กับกัลยาณมิตรที่สนใจ อีกทั้งยังได้เปิดร้านชาที่พิพิธภัณฑ์บางกอก สี่พระยา

ตารางกิจกรรม
08.30 – 09.00 น.ลงทะเบียน
09.00 – 09.30 น.ทำความรู้จักกัน
09.30 - 10.00 น. ทำความรู้จักชา ทั้ง 5 ประเภท และการกำเนิดของชา
10.00 - 10.30 น.สัมผัสรสชาเขียว และแลกเปลี่ยนประสบการณ์
10.30 – 10.45 น.อาหารว่าง
10.45 – 11.00 น.เรียนรู้เรื่องภาชนะ ในการชงชา
11.00 - 12.00 น.สัมผัสรสชาขาว และแลกเปลี่ยนประสบการณ์
12.00 – 13.30 น.อาหารกลางวัน พร้อมชมพิพิธภัณฑ์บางกอก
13.30 – 14.00 น.เรียนรู้เรื่องน้ำและอุณหภูมิของน้ำในการชงชา
14.00 – 14.30 น.สัมผัสรสชาฟ้า และแลกเปลี่ยนประสบการณ์
14.30 – 15.00 น.เทคนิคการชงชา
15.00 - 15.30 น.สัมผัสรสชาแดง และแลกเปลี่ยนประสบการณ์
15.30– 15.45 น.อาหารว่างบ่าย
15.45 – 16.00 น.แลกเปลี่ยนประสบการณ์การสัมผัสโลกแห่งชา
16.00 น.เดินทางกลับ

* กิจกรรมอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม

-----------------------------------------------------

อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง

- โลกของชา

- ชมภาพประทับใจครั้งก่อน

http://www.thaingo.org/xboard/viewthread.php?tid=785&extra=page%3D1


 

โลกของชา

โลกของชา

เจนจิรา โลชา


ใคร ต่อใครก็ต่างพากันคิดว่า น้ำชา ที่เราดื่มกันอยู่ทุกวันนี้ เป็นเรื่องพื้นๆ หาดื่มได้ง่ายๆ เพราะมีชาเย็นบรรจุขวดไว้ขายมากมายหลายยี่ห้อ หรือมีไว้บริการตามร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านข้าวมันไก่ทั่วๆไป หากแต่เราลองหันมาศึกษา สัมผัสกับรสและกลิ่นชาอย่างแท้จริงแล้ว เราจะพบว่า การดื่มชา เป็นศิลปะที่เต็มไปด้วยเรื่องราวที่แฝงความรุ่มรวยทางวัฒนธรรมเอาไว้ เรื่องราวที่เราคิดว่าธรรมดานี้ กลับไม่ธรรมดาเสียแล้ว มาลองทำความรู้จัก “ชา” ให้มากขึ้นกันดีกว่า

อาจารย์จงรักษ์ กิตติวรการ เคยเป็นอาจารย์ประจำคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ท่านได้สนใจศึกษาเรื่องชา ทดลองชงชาด้วยน้ำชนิดต่างๆ ด้วยน้ำที่อุณหภูมิต่างกัน เรียนรู้ลักษณะเฉพาะชองชาแต่ละชนิด เสมสิกขาลัยจึงได้เชื้อเชิญท่านให้มาแบ่งปันประสบการณ์ ถ่ายทอดเรื่องราว เปิดโลกของชาให้เราได้สัมผัส อาจารย์ยังเล่าให้ฟังถึงประวัติการดื่มชาที่มีมาตั้งแต่ดังเดิมและแพร่หลาย ไปทั่วโลก ซึ่งลักษณะของการผลิตใบชา ภาชนะที่ใช้ดื่มและวิถีของการดื่มชาของแต่ละถิ่นฐานก็ต่างกันไปตามแต่ละ วัฒนธรรม ซึ่งรากของการดื่มชามาจากประเทศจีนนั่นเองที่เป็นต้นกำเนิดวัฒนธรรมการดื่ม น้ำชา
จากคำว่า “น้ำชา” มีเหตุปัจจัยมากมายที่หลอมรวมกันเข้ามา ที่ทำให้ น้ำ+ชา กลายเป็นศิลปะแห่งชา ที่จะนำพาให้เราได้กลับมาสัมผัสความรุ่มรวยทางวัฒนธรรม และอ่อนโยนกับทุกการกระทำด้วยวิถีแห่งชา

• ชา ๕ ประเภท
ใบ ชา (ในที่นี้ขอกล่าวถึงเฉพาะ ชาจีน เท่านั้น) มีหลากหลายชนิดมาก และคิดว่าอาจจะยังไม่มีผู้ใดเก็บข้อมูลศึกษาเรื่องชนิดของใบชาอย่างจริงจัง ว่า ใบชาจีนมีกี่ชนิดกันแน่ แต่สามารถแบ่งใบชา เป็น ๕ ประเภท ได้แก่ ชาเขียว คือ ใบชาที่ไม่ได้มีการหมักใดๆ เลย ส่วนใบชาอีก ๔ ประเภทที่เหลือ มีการหมัก ซึ่งเรียงลำดับจากการหมักในเวลาน้อยไปจนถึงมีระยะเวลาการหมักที่นานมากขึ้น ตามลำดับ คือ ชาขาว ชาฟ้า ชาแดง และชาดำ เช่น ชาอู่หลง จัดเป็นชาประเภท ชาฟ้า
ใบชาแต่ละประเภท แต่ละชนิดต่างก็มีลักษณะเฉพาะตัวที่ต่างกันไป ชาเขียวและชาขาว มีสีและรสชาติที่อ่อน การชงชาเขียวหรือชาขาวจึงใช้น้ำที่ไม่ร้อนจัดจนเกินไปและต้องแช่ใบชานานกว่า ชาประเภทอื่นๆ เพื่อที่สามารถดึงกลิ่นและรสชาติของใบชาออกมาได้ ดังนั้นการชงชาแต่ละประเภท แต่ละชนิดจึงแตกต่างกัน เป็นเรื่องที่เราต้องทดลอง ลองผิดลองถูกดูว่าชาชนิดไหน เหมาะกับน้ำอุณหภูมิใด ที่สำคัญคือ การชงชาไม่มีถูกไม่มีผิด ขึ้นอยู่กับว่ารสชาติและกลิ่นชนิดใดที่เรารู้สึกชอบและพึ่งพอใจ นั่นถือว่าเป็นรสชาติชาที่ดีสำหรับเรา

• น้ำ
ใบ ชาที่มีความแตกต่างกัน มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ผู้ชงชาทำหน้าที่เพียงแค่ต้มน้ำที่มีอุณหภูมิที่เหมาะกับชาในชนิดนั้น เราทำแค่เพียงสร้างปัจจัยที่ถึงพร้อมเพื่อให้ใบชาเปิด แสดงรส สี และกลิ่นธรรมชาติที่เฉพาะตนของเขาเท่านั้น สิ่งที่เราจะทำได้คือ การอยู่กับธรรมชาติของใบชา ธรรมชาติของน้ำ ธรรมชาติของภาชนะที่ใช้ชงและดื่ม เราไม่อาจควบคุม บังคับให้ชามีรสชาติ สีและกลิ่น ตามที่ใจปรารถนาได้ นั่นคือ เราต้องเปิดใจเราก่อนจึงจะสามารถทำให้ชาเปิดความเป็นตัวของตัวเองเช่นกัน
น้ำ เป็นตัวแปรที่สำคัญในการชงชา ทั้งชนิดของน้ำที่เราใช้ชงชา และอุณหภูมิของน้ำ น้ำประปา น้ำแร่ น้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติ น้ำผ่านเครื่องกรองโอโซน น้ำเดือนจัด น้ำร้อนมาก ร้อนน้อย สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นตัวแปรสำคัญในการที่จะดึงรสของชา ดังนั้นในการชงชา น้ำจึงเป็นหัวใจสำคัญเทียบเท่ากับคำว่า ใบชา เพราะคำว่า น้ำชา มาจากคำว่า น้ำ+ชา นั้นเอง
รสของชาเมื่อใช้น้ำประปาแตกต่างกับชาที่ใช้น้ำแร่ชง มีเมื่อลองดื่มชาที่ใช้น้ำแร่จะพบว่า มีความเบาละเอียด หอมหวนติดอยู่ที่ลิ้นและในลำคอ หากดื่มชาชนิดเดียวกันที่ชงโดยน้ำประปา รสชาติและกลิ่นของชาจะชัดเจน มีน้ำหนักไม่เบาหวิวๆ เหมืนชาที่ชงจากน้ำแร่ ไม่มีสิ่งใดสามารถบ่งบอกได้ว่าใช้น้ำชนิดใดแล้วจะทำให้รสชาติชาดีกว่ากัน ส่วนอุณหภูมิของน้ำและการแช่ใบชา ขึ้นอยู่กับชนิดของชา ซึ่งเราไม่สามารถจำกัดตายตัวได้เลยว่า ชาชนิดนี้ควรใช้น้ำกี่องศา แช่น้ำนานกี่นาที แต่อย่างคร่าวๆ คือ ชาเขียวและชาขาว ไม่ควรช้ำเดือดหรือร้อนจัด และควรแช่ใบชานานชากชนิดอื่น ส่วนชาฟ้า ชาแดง และชาดำ ควรใช้น้ำที่ร้อนจัด และใช้เวลาแช่ใบชาน้อยลงตามลำดับ เพราะชามีรสชาติที่เข้มอยู่แล้ว หากแช่นานเกินไปจะทำให้รสชาติชาเฟือน เช่นเดิมคงขึ้นอยู่กับความชอบของผู้ที่ดื่มเท่านั้นที่จะบอกว่าจะใช้น้ำชนิด ใดในการชงชาที่ทำให้รสของชาดีในความรู้สึกของเรา และเราจะใช้น้ำอุณหภูมิใดที่เหมาะสมกับชนิดแต่ละชนิดคงต้องคอยทดลอง ศึกษาธรรมชาติของชาแต่ละชนิด คงต้องให้เวลากับชา ลงรายละเอียดใส่ใจกับสิ่งเล็กๆน้อย แต่เป็นหัวใจสำคัญในการชงชา คือ น้ำ นั่นเอง

• ภาชนะที่ใช้ในการชงชา
ภาชนะ ที่ใช้ในการชงชา ไม่ว่าจะเป็นปั้นชา หรือถ้วยชา ที่เรามักจะพบเจอกันบ่อยๆ มักจะเป็นเครื่องเคลือบเซรามิก และเครื่องดินเผา ภาชนะทั้งสองชนิดนี้มีคุณลักษณะที่ต่างกัน คือ เครื่องดินเผาจะสามารถเก็บความร้อนได้ดีกว่า ส่วนภาชนะที่เป็นเครื่องเคลือบเซรามิกจะเก็บความร้อนได้น้อยกว่า อีกทั้งปั้นชาก็มีขนาดที่แตกต่างหลากหลาย ตั้งแต่เล็ก ที่สามารถชงได้ ๒ ถ้วยชาขึ้นไป นั่นขึ้นอยู่กับว่า เราต้องการน้ำชาจำนวนกี่ถ้วยการการชงชาในแต่ละครั้ง
ในการเลือกปั้นชา ควรจะทำการลองปั้นชาก่อนซื้อ เลือกที่มีน้ำพวยพุ่งออกมาแรงและเป็นสาย ไม่แตกกระเซ็น หูจับปั้นชาและปากพวยน้ำอยู่ในระดับเดียวกัน ที่สำคัญเนื้อดินที่ใช้ทำปั้นชาต้องเป็นเนื้อดินเดียวกัน มีความบาง ว่ากันว่าปั้นชาที่ใช้ชงชาบ่อยๆ ยิ่งทำให้มีรสชาติชาที่ดี เพราะกลิ่นชาได้ซึมเข้าไปในเนื้อดินของปั้นชานั้นแล้ว การเลือกปั้นชาและถ้วยชา ควรเลือกที่เราชอบ จับถนัดมือ ใช้ความรู้สึกของเราเป็นตัวเลือกและเราจะมีความสุขเป็นได้ชงชาในสิ่งที่เรา ชอบและเลือกมันด้วยความพึงพอใจ


การชงชาและดื่มชา บางคนอาจจะสงสัยว่าควรจะดื่มชาชนิดใด หรือเวลาใดจึงจะเหมาะสมกับตัวเรา ซึ่งอาจจะมีผลการวิจัยออกมามากมายว่า ชาชนิดนี้สามารถช่วยรักษาสุขภาพได้อย่างไร แต่นั่นส่วนใหญ่ก็มาจากการวิจัยและเผยแพร่เพื่อการตลาดทั้งสิ้น ดังนั้นการดื่มชาแต่ละครั้ง ตัวเราเท่านั้นที่จะเป็นคนตัดสินว่า ดื่มชาชนิดใดและดื่มเวลาใดที่เหมาะกับตัวเรา หากเราลองเฝ้าสังเกตร่างกายและจิตใจของเราขณะที่ดื่มชาแต่ละครั้ง ฟังเสียงที่ร่างกายบอก ตัวเราจะรู้เองว่า ชนิดใดที่ดีต่อตัวเรา ไม่อาจมีใครมาตัดสินหรือรู้จักร่างกายของเราดีมากกว่าตัวเรา ลองเชื่อในประสาทการรับรู้กลิ่น สี และรสของตัวเรา เราต้องทดลอง ผ่านประสบการณ์และเรียนรู้โลกของชาผ่านตัวเอง
คงจะเป็นเพราะสิ่งเหล่า นี้เอง ที่ทำให้บางคนเชื่อว่า การชงชาและการดื่มชาจะนำพาตัวเราไปสู่วิถีแห่งการภาวนาได้เช่นกัน หากทุกครั้งที่เราชงชาและดื่มชา เราจะกลับมาเฝ้าสังเกตดูสภาวะที่เกิดขึ้นภายในร่างกายและจิตใจของเรา เรียนรู้ที่จะสัมผัสกับธรรมชาติที่แท้จริงของใบชา น้ำ และภาชนะที่ในการชงและดื่มกิน อยู่กับทุกการกระทำ การเคลื่อนในขณะที่ชงชาและดื่มชา เรื่อง “ชา” ที่แสนจะธรรมดาก็กลายเป็นวิถีอันรุ่มรวยทางจิตวิญญาณไปด้วยเช่นกัน

การ เปิดประตูสู่โลกของชาในครั้งนี้ เราได้ลองดื่มจิบ ดมดอมกลิ่นชานานาชนิด ที่สำคัญคือการได้ทดลองชงชาด้วยตัวเองที่มีอาจารย์คือแนะนำอย่างใกล้ชิด มีเพื่อนๆ คอยชวนชิมชาในบรรยากาศที่เป็นกันเอง เชื่อมร้อยวัฒนธรรม เชื่องโยงศิลปะแห่งชาสู่วิถีการภาวนา โลกของเราและโลกของชา จึงกลายเป็นโลกภายในใบเดียวกัน

รายงานจากการอบรม “ศิลปะแห่งชา”
วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒
ณ พิพิธภัณฑ์บอกกอก สี่พระยา กรุงเทพฯ
http://www.semsikkha.org/sem/index.php?option=com_content&view=article&catid=28&id=153&Itemid=36

วันอังคารที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2552

 

เปิดสารพัดวิธีทุจริตงบไทยเข้มแข็ง สธ. นักการเมือง-บิ๊กขรก.เปิดช่อง-นัดพ่อค้ากินข้าว เรียกสินบน 80 ล้าน

 





วันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2552 เวลา 08:28:10 น.  มติชนออนไลน์



เปิดสารพัดวิธีทุจริตงบไทยเข้มแข็ง สธ. นักการเมือง-บิ๊กขรก.เปิดช่อง-นัดพ่อค้ากินข้าว เรียกสินบน 80 ล้าน


ทันทีที่ทีมมือปราบโกง นำทีมโดย นพ.บรรลุ ศิริพานิช ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโครงการไทยเข้มแข็งของกระทรวง สาธารณสุข เปิดแถลงข่าวผลการสอบสวนความไม่ชอบมาพากลของโครงการไทยเข้มแข็ง  สาวไส้ความผิดทั้งนักการเมือง และข้าราชการประจำ ร่วมยกกระบิ มีคนผิดทั้งที่มีหลักฐานอ้างอิงชัดเจน และไม่มีเอี่ยวทุจริต แต่บกพร่องต่อหน้าที่ เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2552 ที่ทำเนียบรัฐบาล
ภาพรวมของความผิดแบ่งได้ ดังนี้


1.นัดฮั้วเรียกเงินรถพยาบาลคันละ 1 แสนบาท 


ผล ตรวจสอบพบว่าจากพยานหลักฐานน่าเชื่อว่าได้มีการพยายามเจรจาเพื่อเตรียมการ ให้มีการฮั้วกันจริง โดยมีนายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้นัดบริษัทรถยนต์ 2 บริษัท มารับประทานอาหารค่ำที่ภัตตาคารไดนาสตี้งโรงแรมเซนทารา ลาดพร้าว ช่วงค่ำของวันที่ 17 สิงหาคม 2552


นพ.บรรลุ กล่าวยืนยันว่า มีผู้ประกอบการรถยนต์ยี่ห้อหนึ่งที่ได้ร่วมในการทานอาหารมื้อนั้น ได้ทำหนังสือยืนยันมายังคณะกรรมการ รวมทั้งมาให้ถ้อยคำต่อกรรมการตรวจสอบด้วยว่ามีนักการเมืองคนใดร่วมทานอาหาร บ้าง โดยระบุชัดเจนว่า นายมานิต และนางศิริวรรณ ได้มี การเจรจาเรียกรับผลประโยชน์ คันละ 1 แสนบาท รวม 800 คัน เป็นเงิน 80 ล้านบาท ซึ่งเรื่องนี้น่าจะมีมูลความผิดทางอาญาด้วย ผู้มีหน้าที่ต้องดำเนินการให้ถึงที่สุด
 

2.ยูวี แฟน ทำเป็นขบวนการ สอบ 5 คนผิด ตั้งแต่อดีตปลัด สธ. ที่ปรึกษา รมว.สธ. ผอ.สบภ.มีเอี่ยว

สำหรับ ยูวี แฟน พบเงื่อนงำความผิดปกติมากมาย ทำอย่างเป็นขบวนการทั้งในและนอก สธ. มีพยานหลักฐานน่าเชื่อว่าผู้สั่งการเรื่องนี้โดยตรง คือ



1.นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ อดีตปลัด มีมูลเหตุจูงใจ คือ มีการสั่งนโยบายโครงการเร่งรัดหยุดวัณโรค ที่ขัดต่อหลักวิชาการให้รับผู้ป่วยในโรงพยาบาล 14 วัน ซึ่งเพิ่มโอกาสแพร่เชื้อวัณโรคในโรงพยาบาล และสั่งให้ทำห้องแยกโรคพร้อมมีเครื่องฟอกอากาศที่ใช้รังสียูวี ราคาสูงถึงห้องละ 250,750 บาท จึงเป็นเหตุให้โรงพยาบาลต่างๆ ใช้เป็นข้ออ้างในการจัดซื้อยูวี แฟน


2.พญ.ศิริพร กัญชนะ อดีตรองปลัด สธ. ในฐานะดูแลโครงการไทยเข้มแข็งภาพรวม


3.น่าเชื่อว่า นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข อาจมีส่วนโดยตรงหรืออ้อมในการสั่งบรรจุยูวี แฟน ในโครงการไทยเข้มแข็ง โดยมีนพ.กฤษฎา มนูญวงศ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขในขณะนั้นนำไปส่งให้กับ นพ.สุชาติ เลาบริพัตร ผู้อำนวยการ สบภ. สอดคล้องกับที่ นพ.สุชาติ มีบันทึกชัดเจนว่าเป็นนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข 



4.นอกจากนี้ยังพบว่ามีการจัดซื้อยูวี แฟน ที่ใช้งบฯอื่น โดย นพ.จักรกฤษณ์ ภูมิสวัสดิ์ สาธารณสุขนิเทศ ขณะนั้น ขอให้โรงพยาบาลใน จ.นครศรีธรรมราช จัดซื้อยูวี แฟน ราคาเครื่องละ 99,000 บาท และน่าจะเป็นสินค้าย้อมแมว ไม่ใช่ของนอก

5.พบ ว่ามี 3 จังหวัด คือ กาฬสินธุ์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ซื้อยูวี แฟน ที่มีการล็อกสเปคในราคาเครื่องละ 40,000 บาท ขณะที่สถาบันทรวงอกผลิตได้ในราคาต้นทุน 2,000-5,000 บาท และมีผู้บริหารพาครอบครัวไปทัศนศึกษาที่นิวซีแลนด์ ขณะที่โรงพยาบาลจังหวัดขอนแก่นกลับปฏิเสธไม่ขอรับยูวี แฟน ที่ อบจ. ขอนแก่น ได้จัดซื้อให้ฟรี เมื่อปี 2550 เพราะพิจารณาแล้วไม่คุ้มค่าบำรุงรักษา


3.มั่วงบฯก่อสร้าง รมช.สธ.ล้วงลูกชัดเจน

เอกสาร ผลการสอบสวนระบุว่า 60% ของงบประมาณไทยเข้มแข็งทั้งหมด เป็นงบฯก่อสร้าง พบว่ามีการจัดสรรมั่วแบบมือใครยาวสาวได้สาวเอา สาเหตุเพราะไม่มีการกำหนดยุทธศาสตร์ เป้าหมาย หลักเกณฑ์ และไม่มีการตั้งคณะกรรมการดูแลพิเศษ ส่งผลให้การจัด สรรงบฯกระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพฯ และเมืองใหญ่ เห็นได้ชัดเจน โดยมีโรงพยาบาลศูนย์ ทั่วไป และศูนย์ความเป็นเลิศ รวม 115 แห่ง ที่ได้งบฯก่อสร้างมากกว่าโรงพยาบาลชุมชนที่ได้เพียง 235 แห่ง จากทั้งหมด 735 แห่ง และสถานีอนามัย 9,762 แห่งทั่วประเทศรวมกัน


ที่สำคัญ ยังพบว่านายมานิตลงไปล้วงลูกด้วยตนเอง จัดสรงบฯสร้างอาคารถึง 5 หลัง ที่โรงพยาบาลราชบุรี ทั้งๆ ที่โรงพยาบาลต้องการเพียง 2 หลังเท่านั้น และยังต้องทุบอาคารเก่าอีกหลายหลังด้วย มีการกดดันผู้อำนวยการโรงพยาบาลจนต้องถูกย้ายในที่สุด


นอก จากนี้ ราคากลางที่ตั้งไว้สูงเกินเหตุ ทั้งที่มีผลการประมูลก่อสร้างต่ำกว่าราคาที่ตั้งไว้มาก ก็ไม่ยอมปรับลดราคาลง ส่อเจตนาว่าไม่สุจริต เปิดช่องให้มีการทุจริตและแสวงหาผลประโยชน์ ยังมีอาคารแบบเดียวกันแต่ราคาต่างกัน อาทิ


1.อาคาร ผู้ป่วยนอก-อุบัติเหตุ สูง 5 ชั้น ตั้งราคา 168-185 ล้านบาท แต่มีประวัติที่โรงพยาบาลท่าศาลา เคยสร้างจริงในปี 2552 ใช้งบฯเพียง 128 ล้านบาท


2.อาคาร พักพยาบา สูง 3 ชั้น ขนาด 24 ห้อง ตั้งงบประมาณ 9.57 ล้านบาท แต่มีประวัติสร้างจริงเพียง 7 ล้านบาท 3.เสาธงสูง 20 เมตร ตั้งงบฯ 495,000 บาท แต่มีราคากลางเพียง 367,700 บาท และควรเลือกเสาธงแบบสูง 12 เมตร มีราคาเพียง 119,700 บาทเท่านั้น


4.กรมการแพทย์ตั้งราคาครุภัณฑ์แพงผิดปกติ


กรมการ แพทย์ได้รับการจัดสรรงบประมาณกว่า 7,500 ล้านบาท แต่พบว่ามีการตั้งราคาครุภัณฑ์และงบฯก่อสร้างแพงเกินจริงหลายหลายการเมื่อ เปรียบเทียบกับครุภัณฑ์การแพทย์ของโรงพยาบาลอื่นๆ ในโครงการไทยเข้มแข็งด้วยกันเอง ส่อไปในทางทุจริต เปิดทางให้มีการแสงหาผลประโยชน์  โดยเฉพาะของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ โรงพยาบาลนพรัตน์ โรงพยาบาลเลิดสิน

1.เครื่อง เอ็กซเรย์ส่องตรวจระบบดิจิตอล (Digital Fluoroscopy) ของโรงพยาบาลนพรัตน์ และศูนย์มะเร็ง ชลบุรี ตั้งงบฯไว้ที่ 15 ล้านบาท ขณะที่เครื่องชนิดเดียวกันของโรงพยาบาลศูนย์/ทั่วไป ตั้งราคาเพียง 8 ล้านบาท

2.ควบคุมการทำงานของหัวใจ ของโรงพยาบาลเลิดสิน ตั้งงบฯไว้ 9.2 ล้านบาท ขณะที่โรงพยาบาลแห่งนี้เคยจัดซื้อเพียง 3.5 ล้านบาทเท่านั้น
3.เครื่อง ใส่แร่อัตโนมัติปริมาณรังสีสูง ของสถาบันมะเร็งฯ ตั้งงบฯไว้ 27 ล้านบาท ขณะที่ศูนย์มะเร็ง ลพบุรี เคยจัดซื้อเมื่อปี 2550 ราคาเพียง 19.2 ล้านบาท


3.เครื่อง จัดเก็บระบบข้อมูลเฉพาะทางการแพทย์ด้วยคอมพิวเตอร์ สถาบันมะเร็งฯ ตั้งงบฯ 60 ล้านบาท ขณะที่ศูนย์มะเร็งอุบลราชบุรี และโรงพยาบาลศูนย์หลายแห่งเคยจัดซื้อในราคาเพียง 15-30 ล้านบาท เท่านั้น


ทั้ง หมดนี้ จึงเป็นที่มาของบทสรุปความผิดโครงการไทยเข้มแข็งที่ว่า "ส่อไปในทางที่จะทำให้เกิดการทุจริตจริง" ของทีมสอบสวนของ นพ.บรรลุ ส่วนใครจะแสดงความรับผิดชอบต่อกรณีนี้อย่างไร..คงต้องยกคำของ นพ.บรรลุ ที่ทิ้งท้ายไว้ว่า


*********************************************************************


สรุปผลชี้มูลผู้เกี่ยวข้อง


นักการเมือง 4 ราย


1.นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข บกพร่องต่อหน้าที่

2.นาย มานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขมีพฤติกรรมส่อทุจริต ล้วงลูก ดึงงบฯเข้า จ.ราชบุรี และนัดกินข้าวกับบริษัทเจ้าของรถยนต์ผู้ผลิตรถพยาบาล รวมถึงเครื่องพ่นฆ่ายุงลาย

3.นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู อดีตเลขานุการ  มีพฤติกรรมส่อทุจริต โดยนัดกินข้าวร่วมกับนายมานิต และผู้ประกอบการผลิตรถพยาบาล

4.นพ.กฤษ ดา มนูญวงศ์ อดีตที่ปรึกษา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข  ล็อบบี้ให้มีการจัดซื้อเครื่องทำลายเชื้อด้วยแสงอัลตร้าไวโอเลตแบบระบบปิด (ยูวี-แฟน)

ข้าราชการประจำ 8 ราย


1.นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข   บกพร่องต่อหน้าที่ เปิดช่องให้เกิดการทุจริต

2.พญ.ศิริพร กัญชนะ อดีตรองปลัดกระทรวงสาธารณสุข  ไม่เอาใจใส่ต่อโครงการที่มีงบประมาณสูง

3.นายกสินทร์ วิเศษสินธุ์ อดีตผู้อำนวยการกองแบบแผน กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ปรับปรุงแบบแผนทำให้เปิดช่องให้เกิดการทุจริต

4.นพ.เรวัต วิศรุตเวช อธิบดีกรมการแพทย์ อนุมัติจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ที่ราคาแพงผิดสังเกต

5.นพ.สุชาติ เลาบริพัตร อดีตผู้อำนวยการ สบภ. มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อเครื่องยูวี-แฟน

6.นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข  บกพร่องต่อหน้าที่ในสมัยเป็นรองปลัด สธ.รับผิดชอบ สบภ.

7.นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ รับผิดชอบโครงการไทยเข้มแข็ง แต่ปัดความรับผิดชอบ

8.นพ.จักรกฤษณ์ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข  เขต 6 ให้โรงพยาบาลจัดซื้อเครื่องยูวี-แฟน ราคาแพง ขณะดำรงตำแหน่งสาธารณสุขนิเทศก์




http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1262050388&grpid=00&catid=02

 

คำค้นครองใจชาวกูเกิล "แสกนกรรม-ชิงชัง-ตลาดน้ำสี่ภาค"

วันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2552 เวลา 16:15:37 น.  มติชนออนไลน์

คำค้นครองใจชาวกูเกิล "แสกนกรรม-ชิงชัง-ตลาดน้ำสี่ภาค"

กูเกิลประกาศผลไซท์ไกสท์ประจำปี 2552 โดยข้อมูลคำค้นหาสูงสุดบนกูเกิล ประเทศไทย สะท้อนความนิยมและเหตุการณ์สำคัญประจำปี ซึ่งแยกออกเป็น ดาวรุ่งพุ่งแรง ยอดนิยม รวมข่าวเด่น แหล่งท่องเที่ยวถวิลหาวันวาน คนดัง เพลงไทย ละครหลังข่าว จิตและกำลังใจ


สังคมออนไลน์ในปัจจุบันที่สามารถ "เข้าถึง" สิ่งต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย ทำให้ 4shared ได้ตำแหน่งดาวรุ่งพุ่งแรงประจำปีนี้ เนื่องจากเป็นเว็บไซต์ที่สามารถฝากไฟล์ต่างๆ ทั้งรูปภาพและเพลงให้ดาวน์โหลด ส่วนอันดับ 2 ได้แก่ ดูหนังออนไลน์


สำหรับข่าวเด่นนั้น หนีไม่พ้นเรื่อง อาการไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่เริ่มการระบาดในปีนี้อย่างรุนแรงจนต้องใช้ชื่อเฉพาะ "หวัด 09" ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อ และเสียชีวิตทั่วโลกจำนวนมาก นอกจากนั้น แพนด้าน้อยหลิน ปิง ทายาทของช่วงช่วงและหลินฮุ่ย ก็ถูกค้นหาชื่อจนเป็นอันดับสอง เนื่องจากกระแสความน่ารักที่ถูกติดตามตั้งแต่แรกคลอด จนตอนนี้มีอายุครบ 7 เดือนแล้ว


ส่วนคนที่ชอบท่องเที่ยว ปีนี้แหล่งท่องเที่ยวถวิลหาวันวาน ที่ถูกค้นมากที่สุด ได้แก่ ตลาดน้ำสี่ภาค ที่พัทยา ซึ่งรวมเอาวิถีชีวิตของคนไทยในอดีตไว้ ทั้งวัฒนธรรมท้องถิ่น สินค้าและอาหารของทั้งสี่ภาค เรียกได้ว่าไปที่เดียวสุดคุ้ม อีกที่ยอดนิยม คือ อัมพวา พิเศษตรงที่รวมขนมหลากหลายไทยโบราณ พร้อมด้วยการตกแต่งย้อนยุคเอาใจเด็กแนว


คนดัง ที่ถูกค้นชื่อมากที่สุด คือ กบ-สุวนันท์ คงยิ่ง เนื่องจากได้เข้าพิธีแต่งงานกับ บรู๊ค-ดนุพร ปุณณกันต์ หลังจากคบหาดูใจมานานกว่า 11 ปี ส่วน หญิงแม้น-ม.ร.ว.แม้นนฤมาส ยุคล ที่มีภาพหลุดกับหนุ่มๆ เยอะ ถูกค้นจนคว้าอันดับ 2 ไปครอง


นอกจากนี้ ยังมีเพลงไทยที่คนเซิร์ชหาเยอะที่สุด คือ ความคิด ของแสตมป์-อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข นอกจากเนื้อหาและดนตรีที่ซึ้งกินใจ ยังประกอบหนังเรื่อง A moment in June อีกด้วย ส่วนอันดับ 2 นั้นเป็นเพลงรัก "คู่ชีวิต" ของ Dr.Fuu  


"ชิงชัง" ครองแชมป์ละครหลังข่าว ที่เรตติ้งพุ่งแรงด้วยเนื้อหาที่เข้มข้น พร้อมด้วยนักแสดงมากฝีมือคู่บุญของค่ายเอ็กแซกท์ ทั้งเจี๊ยบ-โสภิตนภา พิมพ์-ซาซ่า แอน-อลิชา และแป้ง-อรจิรา นอกจากนั้น ซีรี่ยส์เกาหลี "ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน" (Lee San) ก็ได้รับความนิยมอย่างสูงเช่นกัน


สุดท้ายนี้ ขอปิดด้วยคำค้นในเรื่องของ จิตและกำลังใจ ที่คำว่า"แสกนกรรม"ได้รับความสนใจมากที่สุดในปีที่ผ่านมา เพราะคนไทยต้องเผชิญปัญหารุมเร้าหลายอย่าง รองลงมาคือคำว่า ตั้งชื่อมงคล

 

ดาวรุ่งพุ่งแรง 


1.4shared

2.ดูหนังออนไลน์

3.ความคิด

4.gat-pat

5.dictionary อังกฤษไทย

6.the star 5

7.ทํานายฝัน

8.af6

9.การเปลี่ยนแปลง

10.ไข้หวัด 2009


ยอดนิยม

 

1.เกมส์

2.hi5

3.youtube

4.hotmail

5.ดูดวง

6.ฟังเพลง

7.4shared

8.ดูหนังออนไลน์

9.ผลบอล

10.รถมือสอง

  
รวมข่าวเด่น

 

1.อาการไข้หวัดใหญ่ 2009

2.แพนด้าน้อย

3.ตรังเกมส์

4.สุริยุปราคา 2552

5.มอเตอร์โชว์ 2009

6.งานแต่งงานกบ

7.ข่าวหุ้นกู้

8.ดาราเกาหลีศัลยกรรม

9.นปช

10.นโยบายเรียนฟรี

 

แหล่งท่องเที่ยวถวิลหาวันวาน

 

1.ตลาดน้ำสี่ภาค

2.อัมพวา

3.หัวหิน

4.สามชุก

5.ชะอำ

6.เกาะเสม็ด

7.เกาะล้าน

8.ท่าพระจันทร์

9.ตลาดโรงเกลือ

10.เกาะสีชัง

คนดัง

 

1.กบสุวนันท์

2.หญิงแม้น

3.เจนนี่

4.สิงโต

5.ก้อยโย่ง

6.พลอยเฌอมาลย์

7.นิชคุณ

8.เต๋าสมชาย

9.แพนเค้ก

10.พลอยชิดจันทร์

 

เพลงไทย

 

1.ความคิด

2.คู่ชีวิต

3.แฟนเก็บ

4.โอ๊ยโอ๊ย

5.ตัวอิจฉา

6.ถามเอาอะไร

7.เสียดาย

8.คนไม่มีเวลา

9.ฝุ่น

10.วีน


ละครหลังข่าว

 

1.ชิงชัง

2.lee san

3.บ่วงหงส์

4.เมียหลวง

5.ไฟรักอสูร

6.สาปภูษา

7.ลูกไม้เปลี่ยนสี

8.จำเลยกามเทพ

9.พระจันทร์สีรุ้ง

10.เสาร์ 5

 

จิตและกำลังใจ

 

1.แสกนกรรม

2.ตั้งชื่อมงคล

3.ดวง 2552

4.ทำนายความฝัน

5.กุมารทองสยาม

6.พระพิฆเนศ

7.ธรรมะออนไลน์

8.แม่ชีทศพร

9.หลวงปู่ทวด

10.อาจารย์หนู

 

คำค้นหายอดนิยม คือคำที่มีการค้นหาจำนวนมากที่สุดตลอดทั้งปี ส่วนดาวรุ่งพุ่งแรง และหัวข้อต่างๆ คือคำค้นหาที่มาแรงที่สุดในรอบปี และมีการตัดคำซ้ำทั้งหมดออกไป

 

***คำว่า แสกนกรรม เป็นคำที่ถูกค้นหาเฉพาะในเว็บไซต์กูเกิลเท่านั้น

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1261992363&grpid=&catid=04

--
twitter
mondayblog /senateblog
tuesdayblog/designblog
wednesdayblog/senateblog
thursdayblog/blog1951/sunnews9
fridayblog/9fridayblog
saturdayblog /kratongblog
sundayblog /chun1951
http://www.sahavicha.com
http://teetwo.blogspot.com/2008/04/1_28.html

 

นักโบราณคดีจีนเฮ ขุดพบหลุมศพชายโบราณคาดเป็น"โจโฉ"

 





วันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2552 เวลา 11:07:38 น.  มติชนออนไลน์



นักโบราณคดีจีนเฮ ขุดพบหลุมศพชายโบราณคาดเป็น"โจโฉ"


สำนักข่าวซินหัว รายงานเมื่อวันที่ 27 ธ.ค.ว่า นักโบราณคดีได้ค้นพบหลุมศพของชายโบราณอายุราว 60 ปี ที่เมืองอันหยาง มณฑลเหอหนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยเชื่อว่าเป็น สมเด็จพระจักรพรรดิเว่ยอู่ตี้ อดีตขุนศึก และผู้สำเร็จราชการแผ่นดินคนสุดท้าย ในราชวงศ์ฮั่นตะวันออกของประเทศจีน หรือโจโฉ ด้านผู้อำนวยการ สำนักโบราณคดีจีน กล่าวว่า การขุดสำรวจวัตถุโบราณดังกล่าวจะดำเนินไปอย่างระมัดระวังที่สุด และจะต้องตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนภายหลัง เพื่อหาพิสูจน์ว่า เป็นหลุมศพของโจโฉจริง

รายงานระบุว่า ร่างของชายที่เชื่อว่าเป็น โจโฉ ถูกฝังคู่กับร่างหญิงสาวอีก 2 ศพ รวมทั้งมีป้ายหลุมศพและจารึกข้อความ ที่เป็นหลักฐานสนับสนุนว่าเป็นหลุมศพของโจโฉด้วย นอกจากนี้ นักโบราณคดียังได้ขุดพบสิ่งของต่าง ๆ กว่า 250 ชิ้น ซึ่งทำจากทองคำ เงิน เครื่องปั้น ถูกฝังอยู่ภายใต้สุสาน ที่มีความยาว 740 ตร.เมตร ซึ่งเทียบเท่าขนาดของสุสานกษัตริย์ นอกจากนี้ ยังพบแผ่นหินบันทึกชื่อ และสิ่งของ ๆ อื่น ที่ถูกฝังอยู่ในสุสาน โดยจำนวนนี้ อาวุธ 7 ชิ้นที่ถูกใช้โดย"โจโฉ"

ทั้งนั้ ตามประวัติศาสตร์ระบุว่า "โจโฉ"เคยเขียนพินัยกรรมระบุว่า หลุมฝังศพควรมีลักษณะธรรมดา ซึ่งก็สอดคล้องกับการค้นพบนี้ เพราะกำแพงของสุสานไม่ได้ถูกวาดภาพอย่างอลังการ หรือมีสิ่งมีค่าจำนวนมาก นอกจากนี้ ที่ตั้งหลุมศพแห่งนี้ก็ยังสอดคล้องกับบันทึกทางประวัติศาสตร์ และสมุดบันทึกในยุค"โจโฉ"ด้วย

อนึ่ง โจโฉ เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นผู้ครองอาณาจักร"วุยก๊ก"เชื่อกันว่าเขาเป็นทรราชย์ ผู้ไร้ความปรานี ซึ่งมักระแวงและสงสัยทุกคน เขาตายด้วยโรคที่ไม่ประจักษ์ชัด โดยตำนานหนึ่งเล่าว่า เขาไม่ยอมรับการรักษาจากแพทย์เพราะหวั่นผวาว่าจะถูกวางยาพิษ และได้ขังหมอประจำตัวของเขา แต่ก่อนที่จะตาย เขาได้สั่งขุนพลของเขาว่า จะต้องฝังเขาที่ไหนและอย่างไร



http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1261973272&grpid=&catid=02











--



twitter



mondayblog /senateblog



tuesdayblog/designblog



wednesdayblog/senateblog



thursdayblog/blog1951/sunnews9



fridayblog/9fridayblog



saturdayblog /kratongblog



sundayblog /chun1951



http://www.sahavicha.com



http://teetwo.blogspot.com/2008/04/1_28.html

This page is powered by Blogger. Isn't yours?

สมัครสมาชิก บทความ [Atom]